ที่ผ่านมา เราออกเดินทางไปไหนต่อไหนกันมากมาย…
ชอบที่ไปกับเพื่อน เลือกที่จะไปกับแฟน เพราะว่าอยากไปแบบลุยๆ มันส์ๆ เฮไหนเฮกัน
ขึ้นรถ ลงเรือ วิ่งตามรถไฟ ลากกระเป๋า ตื่นเช้า นอนดึก ทานแบบประหยัด อัดแน่นแลนด์มาร์คต้องไปให้ครบ
แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนเพื่อนร่วมทางมาเป็น “ครอบครัว” ของเราบ้างล่ะ… หน้าตาของทริปเราจะเป็นยังไง?
นี่คือคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวตลอดการวางแผน “ทริปลูกกตัญญู”
ที่จะพาพ่อแม่ไป “ดูซากุระ ไหว้พระใหญ่ ชมภูเขาไฟฟูจิ”
แน่นอนว่าเมื่อไปกับ พ่อ-แม่ การวางแผนทริปนั้นย่อมเปลี่ยนไป…
ว่าแต่…เปลี่ยนไปยังไงบ้างนะ???
– การเดินทางต้องสบาย ไม่สมบุกสมบัน ไม่ต้องเปลี่ยนรถหลายต่อ
– ที่พักต้องเป็นสัดเป็นส่วน(พอสมควร) นอนสบาย ห้องน้ำสะอาด
– เวลานอนต้องมากพอ จบทริปแต่ละวันไม่ควรเกิน 4 ทุ่ม
– เดินเรื่อยๆ เมื้อยก็พัก จำกัดเวลาในแต่ละที่หมายให้น้อยที่สุด
– ต้องเผื่อเวลาการถ่ายรูปให้มากพอ…แบบมุมนึงอาจจะเกิน 10 รูป
– อาหารการกินต้องดี แต่ไม่จำเป็นต้องแพง ต่อคิวไม่นาน (ยืนทานข้างทางควรหลีกเลี่ยง)
– ทำใจหากแผนเที่ยวจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
– ช๊อปปิ้งห้ามขาด ห้ามจำกัดเวลา
– หา pocket wifi หรือ Sim Card แจกรายคนเพราะเดี๋ยวนี้ผู้ใหญ่โพสรูปรัวรัวกว่าเราเยอะ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือการทำทริปนี้ให้เป็น… “ทริปตามใจเขา” ไม่ใช่ “ทริปตามใจเรา” (เหมือนที่ผ่านมา) และนี่แหละคือ “ความสุขเมื่อเราได้เห็นพ่อแม่มีความสุข”
และสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับทริปนี้ก็คือ การเดินทาง และ ที่พัก ค่ะ
ในส่วนของ “การเดินทาง” ด้วยความที่เราไปกันหลายคน (6 คนแหนะ) ก็เลยต้องเลือกสายการบินแบบประหยัด ทริปนี้เราบินไปลงที่ Tokyo โดยสายการบิน Nok Scoot ค่ะ ทุกอย่างดีกว่าที่มโนเอาไว้เยอะมาก เครื่องออกตรงเวลา ใช้เครื่อง Dreamliner ที่นั่งค่อนช้างกว้าง ซื้อที่นั่งแบบ Quiet Zone ให้พ่อแม่เพิ่มอีกหน่อย หลับสบายตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้วที่ญี่ปุ่นค่ะ ใครสนใจก็จิ้มเข้าไปส่องตั๋วราคาดีๆจาก Traveloka
ส่วนการเดินทางตอนอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เราใช้การเช่ารถชับค่ะ พ่อแม่ไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง เราอาจจะเหนื่อยขับรถหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไรเนอะ เป็นวิธีที่สะดวกที่สุดค่ะ และข้อดีอีกอย่างคือขับรถเที่ยวเอง อยากแวะไหนก็แวะได้ ไม่ต้องวิ่งตามเวลารถสาธารณะให้เหนื่อยค่ะ
ในส่วนของ “ที่พัก” ครั้งนี้เราเลือกที่จะนอนโรงแรมในกลุ่ม APA Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ขนาดห้องอาจจะเล็กหน่อย แต่สะอาด บริการดี มีอาหารเช้า และราคาก็สมเหตุสมผลค่ะ มีสาขาอยู่เยอะแยะไปหมดเลยด้วย อยู่ในแถบๆย่านกลางเมืองทั้งนั้น อย่างที่ได้ไปพักมาก็คือที่ APA Hotel Shinjuku Gyoemmae อยู่แถวๆย่าน Shinjuku เลยค่ะ สะดวกดี ใครสนใจลองคลิ๊กเข้าไปจองได้ที่
ช่วงวันหยุดยาวๆที่เรามักจะแพลนไปท่องเที่ยวต่างประเทศกันก็คงจะเป็นช่วงวันหยุดสงกรานต์นี่แหละคะ ตรงกับ “วันครอบครัว” ด้วยพอดี ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่ดี๊ดีในการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน… พ่อแม่ก็แฮปปี้ไปด้วยเพราะเป็นช่วงเวลาที่อากาศเย็นกำลังสบาย มีแดดอุ่นๆ ลมพัดเบาๆ ใส่เสื้อหนาวไม่ต้องหนา
ทริปนี้อย่างที่ได้บอกไป เน้น 3 อย่างค่ะ “ดูซากุระ ไหว้พระใหญ่ ชมภูเขาไฟฟูจิ”
- ดูซากุระ เพราะช่วงเดือน เม.ย. เป็นช่วงที่ดอก Sakura อยู่ในช่วงบานสวยงามพอดิบพอดี แน่นอนว่าวัยอย่างพ่อแม่เราก็ต้องชอบดอกไม้และสวนสวยๆเป็นธรรมดา อย่างน้อยก็เก็บภาพมาไว้ส่ง “สวัสดีวันจันทร์” ให้เพื่อนๆเค้าได้
- ไหว้พระใหญ่ ด้วยวัยนี้อีกเช่นกัน การเข้าวัดเข้าวาก็คงจะเป็นสถานที่ต้องห้ามพลาด ไหว้พระขอพรกันไปรัวรัว
- ชมภูเขาไฟฟูจิ และไหนๆไปถึงญี่ปุ่น จะไม่พาพ่อแม่ไปเก็บภาพที่ระทึกกับสัญลักษณ์ของที่นี่ได้ยังไง ไหนๆมาแล้ว เราต้องจัดให้ครบทุกมุมมองจาก 5 ทะเลสาบไปเลย
ป่ะ…ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า ขอแยกเป็น 3 ก้อนตาม concept “ดูซากุระ ไหว้พระใหญ่ ชมภูเขาไฟฟูจิ” นะคะ
มาเริ่มกันที่จุดชม Sakura กันก่อนเลย การไปญี่ปุ่นช่วงดอกซากุระบานนี้ มีเคล็ดลับอยู่นิดนึงคือ เราต้องอย่าแพลนทุกอย่างให้เป๊ะค่ะ แต่ควรทำโปรแกรมเดินทางของเราให้ Flexible ยืดหยุ่นให้มากที่สุดและเช็คพยากรณ์ดอกซากุระบานวันต่อวัน วันไหน ที่ไหนบาน เราก็จะพุ่งตัวไปที่นั่นกันค่ะ สำหรับทริปนี้ เราได้ไปชม Sakura แบบ Full Bloom กันสามที่ค่ะ
เทศกาล Chiyoda Sakura Festival ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่ว่ากันว่าสวยที่สุดใน Tokyo เลยค่ะ สำหรับที่นี่งานจะจัดช่วงปลายเดือน มี.ค. ถึง ต้นเดือน เม.ย. ค่ะ (อันนี้ต้องเช็ควันกันไว้ก่อนนะคะ) บริเวณที่จัดงานจะอยู่ที่ Chidorigafuchi-ryokudo Promenade อยู่ข้างๆ Imperial Palace เป็นแนวทางเดินเรียบทางระบายน้ำเก่าแก่ของโตเกียว ระยะทางประมาณ 700 ชมฟรี ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ซึ่งจะมี light-up สวยไปอีกแบบค่ะ
ระหว่างทางเดินก็จะมี photo spot “มุมมหาชน” ที่ทุกคนอยากจะเก็บภาพนี้ไว้เป็นที่ระลึกค่ะ (พ่อแม่เราก็เช่นกัน) เตรียมกล้องให้พร้อม นั้นคือภาพอุโมงค์ต้นซากุระสีชมพูอ่อนที่โน้มตัวลงมาจาก 2 ฝั่งน้ำ และเรือพายสีสันสดใสลำเล็กๆที่กระจายอยู่บนพื้นน้ำ… สำหรับใครที่ขับรถเที่ยว ขอแนะนำว่าให้นำรถมาจอดได้ที่ สวน Kita No Maru นะคะ เดินไม่ไกลก็จะออกมาเจอกับจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินชมซากุระเลย
ปล. ที่นี่คนเยอะมากๆนะคะ เดินกันแบบไหลๆไปเลยล่ะ ระวังหลงกันด้วยนะคะ
พิกัด Chidorigafuchi https://goo.gl/maps/iNkZCvRiM2N2
จุดต่อมาในโตเกียวที่ซากุระบานพอดีก็คือ บริเวณสวนเรียบริมแม่น้ำซุมิดะ หรือ Sumida Park
ในช่วงต้นเดือนเมษายน จะมีการจัดงาน Sumida Park Sakura-matsuri Festival ขึ้นทางฝั่ง Taito-ku (ฝั่งเดียวกับย่าน Asakusa หรือวัด Sensoji) ตลอดแนวทางเดินริมแม่น้ำจะมีต้นซากุระเรียงรายอยู่กว่า 600 ต้น และเหมือนที่อื่นๆค่ะ จะมีชาวญี่ปุ่นมานั่งปิกนิคใต้ต้นซากุระกันอย่างคึกคัก
ความสวยงามอีกอย่างของที่นี่ นอกจากดอกซากุระสีชมพูอ่อนๆแล้ว เมื่อมองไปฝั่งตรงข้ามก็จะได้เห็นวิวของ Tokyo Sky Tree สูงเด่นเป็นสง่า ตึกฟองเบียร์ Asahi Beer และต้นซากุระที่กำลังงามอยู่อีกฝั่งแม่น้ำด้วยค่ะ ตรงจุดนี้พ่อแม่เราฟินมากๆเลย เพราะได้นั่งพักผ่อนชิวๆ และนั่งอัพรูปลงเฟสรัวรัวอวดเพื่อนที่เมืองไทย หลังจากที่เดินซ๊อปที่ถนนหน้าวัด Sensoji เสร็จ 555
พิกัด Sumida Park (Taito-ku) https://goo.gl/maps/DPmuM1MriTC2
อีกหนึ่งจุดชมซากุระที่สวยงามมากๆๆๆ และอยากแนะนำให้ไปก็คือที่ สวน Gogendo เมือง Satte ค่ะ
เดินทางออกมาจากโตเกียวเพียง 1 ชม. โดยสวนนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของจังหวัด Saitama เป็นอีกจุดที่สามารถชื่นชมความสวยงามของต้นซากุระได้แบบเต็มๆตา
เทศกาล Sakura Namiki ที่สวนกอนเก็นโดนี้ มีต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้น ตอนออกดอกแบบเต็มๆ Full Bloom กิ่งซากุระโน้มลงมาเป็นอุโมงค์เป็นแนวยาวให้เราเดินชมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากความสวยงามของซากุระสีขาวอมชมพูแล้ว ที่นี่ยังมีทุ่งดอก Rapeseed สีเหลืองอร่ามขนาดใหญ่มากกกกอยู่ใกล้กัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความสวยงามได้อย่างใกล้ชิด
สีเหลืองกับสีชมอ่อนๆ พอมองไปก็เข้ากันดีนะ 🙂
นอกจากนี้ จะมีซุ้มอาหารสไตล์ local มาเปิดให้เราได้เลือกชิมเพียบเลยค่ะ พ่อแม่เรานี่ก็เดินไปกินไปตลอดทาง อันนั้นก็น่าลอง อันนี้ก็น่าชิม คืออาหารน่าทานทุกร้านเลยจริงๆค่ะ ทานไปทานมาอิ่มโลด
สิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆสำหรับที่นี่ก็คือ เราจะได้เห็นวิถีชีวิตแบบ slow life ของชาวญี่ปุ่นที่แท้ทรูค่ะ คือคนญี่ปุ่นจะพาครอบครัว ลูกหลาน และสัตว์เลี้ยงมานั่งปิกนิคใต้ต้นซากุระ ทำอาหารมานั่งทานกัน เอาโต๊ะเก้าอี้เล็กๆมาวาง ปูผ้านอนบนสนามตากไอแดดอุ่นๆ ชีวิตดีดูมีความสุขมาก
สำหรับเทศการชมดอกซากุระที่สวน Gogendo จะจัดขึ้นช่วงปลายๆเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและพยากรณ์การบานของดอกซากุระค่ะ อย่าลืมเช็ควันจัดงานก่อนไปด้วยนะ ที่เว็บนี้เลยค่ะ http://www.gongendo.jp/
ปล. แนะนำว่าให้มาช่วงประมาณ 9 โมง แสงกำลังสวย ถ่ายรูปออกมาแหล่มมากๆๆๆๆ
พิกีด Gongendo Park https://goo.gl/maps/vEAXWqRSTyH2
ไปต่อในส่วนของการ “ไหว้พระใหญ่” กันบ้าง
เรื่องวัดวาเราก็ต้องมีเมื่อไปเที่ยวกับพ่อแม่…ถูกต้องไหมคะ ทริปนี้เราเลือก 3 วัดใหญ่ๆที่เปรียบเสมือน Landmark ของประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือ
วัด Kotoku-in วัดโคะโตะคุอิน หรือ วัดพระใหญ่ไดบุทสึ เมือง Kamakura
วัดนี้เป็นหนึ่งใน landmark ของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ ตั้งอยู่ที่เมือง Kamakura ในจังหวัด Kanagawa ขับรถจากโตเกียวลงมาทางใต้ประมาณ 1 ชม. ก็ถึงแล้วค่ะ ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมสุดๆค่ะ นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศเดินทางมาเพื่อสักการะพระพุทธรูปองค์มหึมา หรือ The Great Buddha of Kamakura ซึ่งมีความสูง 11.3 เมตร ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประเทศญี่ปุ่น
จากที่ได้หาข้อมูลมา หลายๆที่แนะนำว่าให้ยืนห่างออกมากจากองค์พระประมาณ 5 เมตรค่ะ จะมองเห็นองค์พระใหญ่ได้อย่างพอดีสวยงาม ค่าเข้าชมคนละ 200 JPY เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น ค่ะ
ช่วงที่ไปมานี้ ต้นซากุระที่ปลูกอยู่รอบๆองค์พระเริ่มบานพอดีค่ะ สวยมากๆเลย พ่อแม่เราไหว้พระเสร็จแล้วก็ต้องมาเก็บภาพกับดอกซากุระตามสไตล์
พิกัด วัด Kotoku-in https://goo.gl/maps/bUZ82PJ2Zbp
วัด Sensoji หรือวัดโคมแดง ย่าน Asakura
มาต่อกันอีกหนึ่งวัดที่ถ้าไม่ได้มา คงเหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่นเป็นแน่ วัดนี้เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการมาไหว้พระขอพรมากที่สุดค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามของวัดเท่านั้น แต่ยังมีถนน Nakamise ซึ่งเป็นถนนคนเดินสายหลักที่มุ่งหน้าเข้าสู่บริเวณวัด โดยสองฝั่งจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนม ของที่ระลึกมากมาย มีผู้คนเดินคึกคักตลอดเวลา เรียกได้ว่าไหว้พระเสร็จแล้ว ก็มาละลายทรัพย์ต่อกันได้รัวรัว ที่นี่พ่อแม่จะ enjoy เป็นพิเศษค่ะ เพราะได้ช๊อปปิ้งของฝากเพื่อนๆเพียบเลย อาจจะต้องเผื่อเวลาที่นี่ไว้ให้ช๊อปเยอะหน่อยนะ…
และถ้าได้มาบริเวณนี้ อย่าพลาดลองปังเมล่องร้านดังด้วยนะคะ ร้านเมล่อนปัง Asakusa Kagetsu-do บอกก่อนว่าไม่ใช่ขนมปังไส้เมล่อนแต่อย่างใดนะคะ แต่ว่ารูปร่างหน้าตาของขนมปังต่างหากที่คล้ายกับเจ้าลูกเมล่อนต่างหาก เจ้าเมล่อนปังนี้ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเราอีกค่ะ ขนมปังอบใหม่ๆ อุ่นๆ กัดเข้าไปแบบกรอบนอกนุ่มใน อร่อยมากกกกกกก แบบ Original ราคาชิ้นละ 200 JPY (3 ชิ้น 500 JPY)
พิกัด วัด Sensoji https://goo.gl/maps/cvxXaiSKLbN2
วัด Narita-san Shinsho-ji วัดนาริตะซัง ชินโชจิ
วัดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่แห่งเมือง Narita ในจังหวัด Chiba ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน Narita ด้วยระยะทางเพียง 6 กิโลเมตร ขับรถแป๊ปๆไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ จะแวะเมื่อบินมาถึง หรือจะแวะก่อนบินกลับเมืองไทยก็ได้
ด้วยความที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาค่ะ พ่อแม่อาจจะได้ออกกำลังขากันหน่อย ภายในบริเวณวัดก็จะพบกับอาคารหลักตะหง่านแสดงถึงสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นซึ่งสร้างจากไม้ได้สวยงามมากๆค่ะ ข้างๆกันจะมีเจดีย์สามชั้นสีแดง เด่นเป็นสง่า มีชื่อว่า Great Pagoda of Peace สัญลักษณ์ของวัดแห่งนี้
วัดนี้เปิดทุกวัน ตลอดเวลา ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ
ด้านหน้าวัดจะเป็นถนนกึ่งคนเดิน (คือเดินต้องระวังรถนิดนึง) ให้ได้ช๊อปปิ้งกันอีกแล้ว ชื่อว่าถนนโอโมเตะซังโดะ (Omotesando street) ค่ะ ซึ่งเป็นถนนที่มีของขายเยอะแยะมากมาย เท่าที่เห็นส่วนมากจะเป็นร้านของฝาก และร้านขายอาหารแห้งที่เราสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้
แต่ Hilight ที่ห้ามพลาดก็คือ ร้านข้าวหน้าปลาไหล Kawatoyo เปิดบริการ 10.00-17.00 น. ความเด็ดของร้านนี้คือ เราสามารถชมวิธีการปรุงเมนูนี้ได้ตั้งแต่แล่ปลา เสียบไม้ และย่าง คือยั่วน้ำลายจริงๆ!! แต่คิวก็ยาวเหยียดเช่นกันนะ… ถ้าพ่อแม่รอไหวอยากให้ลองค่ะ
พิกัด วัด Narita-san Shinsho-ji https://goo.gl/maps/s4NP8YwjNnm
ไหว้พระกันแล้ว… mission สุดท้ายของทริป “ลูกกตัญญู” นี้เราจะพาบุพการีไปทักทายกับ ภูเขาไฟฟูจิ สัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัด Yamanashi และ Shizuoka นั่นเอง…
วันที่ได้เดินทางไปอากาศดี๊ดี ท้องฟ้าเปิด ฟูจิซัง ไม่เขินอาย อวดโฉมให้เราได้ชมกันแบบรัวรัว
ความพิเศษของ one-day trip ครั้งนี้คือ เราตั้งเป้ามาจะขับรถลัดเลาะชมภูเขาไฟฟูจิ จาก 5 ทะเลสาบ ที่อยู่โดยรอบ ได้แก่ ทะเลสาบคะวะกุจิโกะ (Kawaguchiko), ทะเลสาบไซโกะ (Saiko), ทะเลสาบโชจิโกะ (Shojiko), ทะเลสาบโมโตสุโกะ (Motosuko) และทะเลสาบยะมะนะกะโกะ (Yamanakako) ค่ะ
ระหว่างที่ขับรถมานั้นใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งจากโตเกียว…พอเข้าใกล้ภูเขาไฟฟูจิเรื่อยๆ พ่อแม่ได้แต่ร้อง โอ้โห โอ้โห โอ้โห กันตลอดทางด้วยความตื่นเต้น เพราะเรากำลังวิ่งเข้าใกล้ฟูจิในเบื้องหน้า สวยจริงๆ
มาชมภูเขาไฟฟูจิ จาก 5 ทะเลสาบ กันเลยดีกว่า…
Kawaguchiko ทะเลสาบคาวากูจิโกะ เป็นทะเลสาบที่เป็นที่นิยมที่สุดในการมาชมวิวฟูจิ มีที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช๊อปปิ้ง และ Oishi Park สวนดอกไม้ริมทะเลสาบที่เปิดให้เข้าชมฟรี https://goo.gl/maps/AuHbq8fbnFQ2
Saiko ทะเลสาบไซโกะ ทะเลสาบขนาดกลาง พื้นที่รอบๆยังไม่ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวค่ะ จะมีจุดชมวิว เงียบสงบ สวยไปอีกแบบ เราสามารถขับรถลงมาจอดได้เลย มีคนญี่ปุ่นมายั่งตกปลาชิวๆ https://goo.gl/maps/kGxLE6jhCtz
Shojiko ทะเลสาบโชจิโกะ ทะเลสาบที่เล็กที่สุดใน 5 ทะเลสาบ จะมีภูเขาเล็กๆที่ชื่อว่า Omuro ตั้งอยู่ด้านหน้าของฟูจิค่ะ ถ้าในช่วงฤดูร้อน ต้นไม้บนเขาลูกนี้จะเขียวชะอุ่ม ตัดกับสีน้ำตาลของฟูจิและท้องฟ้า https://goo.gl/maps/jHmqoE3gbdR2
Motosuko ทะเลสาบโมโตซูโกะ วิวตรงนี้เป็นภาพเดียวกันกับภาพฟูจิที่เราคุ้นเคยในแบงค์ 1,000 JPY ค่ะ https://goo.gl/maps/ThpxYyJ1wdL2
Yamanakako ทะเลสาบยามานาคาโกะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดใน 5 แห่งค่ะ เป็นอีกจุดชมวิวที่เราสามารถเห็นฟูจิได้แบบเต็มๆ โซนนี้มีการพัฒนาให้เป็นที่ท่องเที่ยวสไตล์ local นักท่องเที่ยวจะไม่พลุกพล่าน มีโรงแรมเล็กๆ สไตล์ Homestay และสัญลักษณ์ของทะเลสาบนี้ก็คือหงส์สีขาว ที่ว่ายน้ำโชว์ตัวอยู่อย่างสง่างามค่ะ
แอบเสียดายนิดนึงตอนที่ไปถึงทะเลสาบนี้เป็นช่วงบ่ายแล้ว เลยมีความย้อนแสงหนักมาก เห็นฟูจิแค่ลางๆ
https://goo.gl/maps/r3x7LAMaFbS2
และนี่แหละค่ะคือ one-day trip พาพ่อแม่นั่งรถชิวๆไปชมภูเขาไฟฟูจิ โดยในการขับรถ ระยะทางระหว่างแต่ละทะเลสสาบไม่ไกลกันมากค่ะ ใช้เวลาขับรถประมาณ 15-20 นาทีก็จะถึง ขับรถลัดเลาะไปเรื่อยๆใช้เวลา 1 วันพอดีสบายๆ แบบมุมไหนสวยก็จอดรถลงไปถ่ายรูปกันรัวรัว พ่อแม่ไม่เหนื่อย พ่อแม่แฮปปี้ เราก็แฮปปี้ค่ะ
นี่ก็คือทั้งหมดของ “ทริปลูกกตัญญู”
ได้พาพ่อแม่ไป “ดูซากุระ ไหว้พระใหญ่ ชมภูเขาไฟฟูจิ”
ช่วงเดือนเมษายน เดือนแห่งวันครอบครัว
ที่ผ่านมาการ เราออกไปตะลอนเที่ยวเอง…มันอาจจะทำให้เรามีความสุขในแบบเราเอง
แต่การที่เราได้พาพ่อแม่ไปเที่ยวด้วย…มันทำให้ความสุขนั้นคูณสาม
เราได้เที่ยว…เรามีความสุข
พ่อแม่ได้เที่ยว…พ่อแม่มีความสุข
เราได้พาพ่อแม่เที่ยว…เรามีความสุขที่เห็นพ่อแม่มีความสุข
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
#เที่ยวรัวรัว #Japan #Sakura #FamilyTrip
Facebook Fanpage : เที่ยวรัวรัว